เก้าอี้บาร์เบอร์โบราณ..จุดเริ่มต้นของความคลาสสิค
เก้าอี้บาร์เบอร์โบราณ..จุดเริ่มต้นของความคลาสสิค
ในวงการของสะสมโดยทั่วไป ถ้าเราจะนับว่าสิ่งใดเป็น “Antique” หรือ “โบราณ” ของสิ่งนั้นจะต้องมีอายุ 100 ปีขึ้นไปนะครับ ถ้านับง่ายๆ ก็คือต้องอยู่ในยุคประมาณปี 1900 หรือเก่ากว่านั้นครับ
- บาร์เบอร์ใส่ใจในการเลือกสรรเก้าอี้สำหรับลูกค้ามาตั้งแต่โบราณ เนื่องจากอย่างที่ทราบกันว่าบาร์เบอร์เป็นหนึ่งในไม่กี่อาชีพที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ของมีคมได้ในยุคก่อน ดังนั้นบาร์เบอร์บางคนก็จะมีความสามารถในการตัดผม ทำแผล เจาะเลือด ไปจนกระทั่งถอนฟัน
- นั่นเป็นสาเหตุให้ความต้องการเก้าอี้สำหรับอาชีพบาร์เบอร์นั้นพิเศษกว่าเก้าอี้ไหนๆ เพราะต้องพร้อมที่จะถูกปรับเอน หมุน แทบจะพลิกกลับหัวได้เพื่อความความสะดวกในการทำทุกประโยชน์ใช้สอยที่จำเป็น โดยเฉพาะในยุคสงครามโลก
- ต้นยุค 1800 เก้าอี้บาร์เบอร์มักจะทำจากไม้ ซึ่งจะมีการออกแบบอย่างหรูหรา ตั้งแต่งานแกะสลักที่ประณีตไปจนถึงเบาะบุนวมที่หรูหราไม่แพ้กัน ความเป็นไม้นั้นทนทานไม่แพ้วัสดุใดๆ เนื่องจากคัดสรรไม้ประเภทไม้เนื้อแข็งมาใช้ในการผลิต อาทิ มะฮอกกานี ไม้เชอรี่ ไม้โอ๊ค ในวงการเก้าอี้บาร์เบอร์ถึงกับมีการเรียกขานถึงความหรูหราของเก้าอี้ในยุคนี้ว่า “เก้าอี้ยุควิกตอเรีย”
- กระทั่งช่วงปี 1850 เก้าอี้บาร์เบอร์เริ่มเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อใช้ในร้านตัดผมโดยเฉพาะแต่ก็ยังคงผลิตจากไม้เป็นหลัก โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างจากเก้าอี้ปกติก็คือ สูงกว่าเก้าอี้ที่ใช้ในบ้าน ต้องมีพนักพิงศีรษะ สามารถปรับเลื่อนได้หลายองศาหลายระดับ และมีจุดพักเท้า หรือมีเก้าอี้สตูลเล็กๆ เพื่อใช้ในการพักเท้า
- ช่วงปลายยุค 1800 เก้าอี้บาร์เบอร์เริ่มมีกลไกที่ก้าวไปอีกขั้น อาทิ ปรับเอนนอนได้ หมุนรอบตัวได้ 360 องศา และระบบไฮดรอลิกเพื่อปรับขึ้นลงได้อย่างสะดวกสบาย
- และพอเข้าสู่ยุค 90 อย่างที่ผมบอกเมื่อตอนต้นว่า โดยทั่วไปถ้าจะใช้คำว่าแอคทีค ของสิ่งนั้นก็ต้องมีอายุ 100 ปีขึ้นไป แต่ในวงการเก้าอี้บาร์เบอร์นั้น โมเดลเก้าอี้ในยุค 1900 เป็นต้นไป จะถูกจัดว่าเป็น Vintage มากกว่า Antique
ยังมีเรื่องสนุกเกี่ยวกับเก้าอี้บาร์เบอร์อีกมาก ติดตามต่อนะครับ หรือใครชอบศึกษาเรื่องเก้าอี้อยู่ตอนนี้ อยากแชร์เรื่องน่ารู้อะไร มาเล่าสู่กันฟังได้เลยนะครับผม
@wearexilda
#xilda
#xildahairclipper
#xildathemasterofblade
#xildathailand
#ซิลด้า
#sereechaibeauty